วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

หลักสูตรสูญ


หลักสูตรสูญ
หลักสูตรสูญหรือ Null Curriculum เป็นความคิดและคำที่บัญญัติขึ้นโดยไอส์เนอร์ (Eisner,1979)แห่งมหาวิทยาลัยแตนฟอร์ด   สหรัฐอเมริกา หลักสูตรสูญ เป็นชื่อประเภทของสูตรที่ไม่แพร่หลาย และไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักในระหว่างนักการศึกษา และนักพัฒนาหลักสูตรด้วยกัน
เขาได้นิยามหลักสูตรสูญว่า   เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้มีปรากฏอยู่ให้เห็นในแผนการเรียนรู้ และเป็นสิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน
เขาได้อธิบายถึงความเชื่อของเขาในเรื่องนี้ว่า สิ่งที่ไม่ปรากฏอยู่ในตัวหลักสูตรและสิ่งที่ครูไม่ได้ โดยให้เหตุผลว่า ความรู้หรือการขาดสิ่งที่ควรจากรู้ไม่ได้เป็นแต่เพียงความว่างเปล่าที่หลายคนอาจคิดว่าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใด  แต่โดยความเป็นจริงแล้ว การขาดความรู้ดังกล่าวย่อมมีผลกระทบที่สำคัญมาก ในแง่ที่ทำให้ผู้เรียนขาดทางเลือกที่เขาอาจนำไปใช้แก้ปัญหาและพัฒนาชีวิตของเขาได้ นั้นก็คือ  การขาดความรู้บางอย่างไปอาจทำให้ชีวิตของคนๆ หนึ่งขาดความสมบูรณ์ได้
นอกจากนี้ยังอธิบายเพิ่มเติมได้ว่า หลักสูตรสูญได้แก่ ทางเลือกที่ไม่ได้จัดเตรียมไว้ให้ผู้เรียน ความคิดและทรรศนะที่ผู้เรียนไม่เคยสัมผัสและเรียนรู้สิ่งที่ผู้เรียนจะนำไปประยุกต์ใช้ได้แต่มีไว้ไม่พอ รวมทั้งความคิดและทักษะที่ไม่ได้รวมไว้ในกิจกรรมทางปัญญา 
  1. ประเด็นที่ควรพิจารณา
ในการกำหนดหลักสูตรสูญขึ้นมานั้นมีสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรกได้แก่ กระบวนการทางปัญญา (Cognitive process) ที่โรงเรียนเน้นและละเลย ประเด็นที่สองได้แก่ เนื้อหาสาระที่มีอยู่และที่ขาดหายไปจากหลักสูตร
ในประเด็นของกระบวนการทางปัญญานั้น ไอส์เนอร์ หมายถึง กระบวนการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการรู้ โดยเริ่มจากการรับรู้สิ่งเร้าต่างๆ ไปจนถึงการคิดหาเหตุผลทุกรูปแบบ เขาได้มองลึกลงไปว่า แนวความคิดทางด้านศึกษาศาสตร์ได้จำกัดความหมายของกระบวนการทางปัญญาให้แคบลงไป  และโรงเรียนก็พยายามเน้นและพัฒนาความคิดของนักเรียนให้อยู่ภายในขอบเขตที่กำจัด โดยเขาเชื่อว่ายังมีรูปแบบการคิดที่เป็นประโยชน์อีกมาก แต่ไม่เปิดเผยออกมาทางวาจา รวมทั้งการคิดที่ขาดเหตุผลเชิงตรรกะ รูปแบบเหล่านี้จะทำหน้าที่ของมันผ่านกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเห็น การฟังการเปรียบเทียบ และการสังเคราะห์   กระบวนการคิดแนวนี้ทางโรงเรียนให้ความสนใจน้อยมาก ทั้งๆ ที่การติดตามรูปแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นและพัฒนาตัวมันเองขึ้นมาแน่ๆ นอกโรงเรียน

จากข้อเท็จจริงตามประเด็นแรกนี้ สรุปได้ว่า โรงเรียนสร้างผลกระทบให้เกิดแก่ผู้เรียนได้ โดยไม่เพียงแต่จากสิ่งที่สอนเท่านั้น  แต่จากสิ่งที่ควรสอนแต่ไม่นำมาสอนอีกด้วย  เพราะสิ่งที่นักเรียนไม่มีโอกาสพิจารณาสิ่งที่เขาไม่มีโอกาสรู้และกระบวนการที่เขาไม่มีโอกาสใช้ จะมีผลต่อการดำรงชีวิตของนักเรียน
ประเด็นที่สองที่เกี่ยวกับเนื้อหานั้น  ไอส์เนอร์ ชี้แจงว่า  โรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ว่าในสหรัฐอเมริกาหรือที่ไหนๆ ในโลกนี้ มักจะสอนเนื้อหาเก่าๆ เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น ในระดับประถมศึกษาก็จะสอนเกี่ยวกับการสอนเกี่ยวกับการอ่าน การเขียน และการคิดเลขเป็นหลัก แล้วมีสังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ทั่วไป สุขศึกษา พลศึกษา และอื่นๆ ในเมื่อโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยีและรูปแบบการดำรงชีวิต ทำไมจึงไม่นำวิชาหรือเนื้อหาอื่นๆ ใหม่ๆ ที่จำเป็นมาสอนบ้าง  เขาได้ให้ความเห็นในจุดนี้ว่า  เนื้อหาวิชาที่สอนกันเรื่อยมาจนเป็นประเพณีของโรงเรียนนั้นไม่ใช่เป็นเพราะขาดการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความเป็นไปได้ของการนำเนื้อหาอื่นๆ ใหม่ๆ มาสอน แต่มักจะเป็นเพราะพวกเขาถูกสอนมาอย่างนั้น ครูโดยทั่วไปจะสอนในสิ่งที่เคยสอนกันมาตามนิสัยและความเคยชิน และโดยกระบวนการนี้ทำให้เกิดการละเลยสาขาวิชาใหม่ๆ ที่พิสูจน์แล้วว่า มีคุณประโยชน์ต่อนักเรียนเป็นอย่างมาก เช่น วิชาเศรษฐศาสตร์ เป็นต้น

การนำความคิดของหลักสูตรสูญไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตร
  ถึงจุดนี้  ผู้เรียนเข้าใจแล้วว่า  หลักสูตรสูญได้แก่สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอนหรือสิ่งที่ไม่ได้บรรจุไว้ในหลักสูตร  และสิ่งที่ขาดหายไปจากหลักสูตรจำแนกออกได้เป็น 3 ด้านคือ สิ่งที่ขาดหายไปในรูปของกระบวนการทางปัญญา เนื้อหา และด้านความรู้-ค่านิยม
คงไม่ยากที่จะทำความเข้าใจแนวคิดของเรื่องนี้  แต่ปัญญาหาที่อยู่ในใจของเราก็คือว่า  เราจะใช้อะไรเป็นตัวกำหนดหรือเป็นกรอบในการพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นส่วนที่ขาดหายไปจากหลักสูตร (หรือหลักสูตรสูญ) เช่น ในกรณีที่เราไม่ได้เปิดสอนวิชาตรรกวิทยาในระดับชั้นอนุบาล  จะถือว่าวิชาตรรกวิทยาเป็นหลักสูตรสูญของหลักสูตรอนุบาลหรือไม่  คำตอบก็คือ  ไม่ใช่  ที่ตอบเช่นนี้ก็โดยเหตุผลที่ว่า  ตามปกติเวลานักพัฒนาหลักสูตรจะกำหนดเนื้อหาลงไปในหลักสูตรนั้น  เขาจะคำนึงถึงความจำเป็น  ความเหมาะสมและความสอดคล้องของเนื้อหาที่มีต่อผู้เรียน  ดังนั้น  เมื่อจะพิจารณาว่ามีกระบวนการใด   หรือเนื้อหาใดขาดไปจากหลักสูตรก็จะต้องมีการกำหนดกรอบ (frame of reference) ที่เป็นกลางๆ เอาไว้อ้างอิง  ถ้าหากหลักสูตรไม่ได้ครอบคลุมถึงสิ่งที่เป็นเนื้อหากลางๆ ที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการเรียนรู้ของเรียนแล้ว  หลักสูตรเหล่านั้นก็จะด้อยคุณค่าทันที  จากตัวอย่างการพิจารณานำวิชาตรรกวิทยามาบรรจุในหลักสูตรอนุบาลนั้น ต้องถือว่า หลักสูตรสากลของอนุบาลศึกษาจะต้องไม่มีการเรียนวิชาตรรกวิทยา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คำถามท้ายบทที่ ๑๐

1. การประเมินหลักสูตรมีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร ตอบ.หลักสูตรเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการศึกษาเพราะเป็นการขยายแนวคิดในการจัดการศึกษา...