หลักสูตรสูญ
หลักสูตรสูญหรือ
Null
Curriculum เป็นความคิดและคำที่บัญญัติขึ้นโดยไอส์เนอร์ (Eisner,1979)แห่งมหาวิทยาลัยแตนฟอร์ด
สหรัฐอเมริกา หลักสูตรสูญ เป็นชื่อประเภทของสูตรที่ไม่แพร่หลาย
และไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักในระหว่างนักการศึกษา และนักพัฒนาหลักสูตรด้วยกัน
เขาได้นิยามหลักสูตรสูญว่า
เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้มีปรากฏอยู่ให้เห็นในแผนการเรียนรู้
และเป็นสิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน
เขาได้อธิบายถึงความเชื่อของเขาในเรื่องนี้ว่า
สิ่งที่ไม่ปรากฏอยู่ในตัวหลักสูตรและสิ่งที่ครูไม่ได้ โดยให้เหตุผลว่า
ความรู้หรือการขาดสิ่งที่ควรจากรู้ไม่ได้เป็นแต่เพียงความว่างเปล่าที่หลายคนอาจคิดว่าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใด แต่โดยความเป็นจริงแล้ว การขาดความรู้ดังกล่าวย่อมมีผลกระทบที่สำคัญมาก
ในแง่ที่ทำให้ผู้เรียนขาดทางเลือกที่เขาอาจนำไปใช้แก้ปัญหาและพัฒนาชีวิตของเขาได้
นั้นก็คือ
การขาดความรู้บางอย่างไปอาจทำให้ชีวิตของคนๆ หนึ่งขาดความสมบูรณ์ได้
นอกจากนี้ยังอธิบายเพิ่มเติมได้ว่า
หลักสูตรสูญได้แก่ ทางเลือกที่ไม่ได้จัดเตรียมไว้ให้ผู้เรียน
ความคิดและทรรศนะที่ผู้เรียนไม่เคยสัมผัสและเรียนรู้สิ่งที่ผู้เรียนจะนำไปประยุกต์ใช้ได้แต่มีไว้ไม่พอ
รวมทั้งความคิดและทักษะที่ไม่ได้รวมไว้ในกิจกรรมทางปัญญา
1. ประเด็นที่ควรพิจารณา
ในการกำหนดหลักสูตรสูญขึ้นมานั้นมีสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาอยู่
2 ประเด็น ประเด็นแรกได้แก่ กระบวนการทางปัญญา (Cognitive
process) ที่โรงเรียนเน้นและละเลย ประเด็นที่สองได้แก่
เนื้อหาสาระที่มีอยู่และที่ขาดหายไปจากหลักสูตร
ในประเด็นของกระบวนการทางปัญญานั้น
ไอส์เนอร์ หมายถึง กระบวนการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการรู้
โดยเริ่มจากการรับรู้สิ่งเร้าต่างๆ ไปจนถึงการคิดหาเหตุผลทุกรูปแบบ
เขาได้มองลึกลงไปว่า
แนวความคิดทางด้านศึกษาศาสตร์ได้จำกัดความหมายของกระบวนการทางปัญญาให้แคบลงไป และโรงเรียนก็พยายามเน้นและพัฒนาความคิดของนักเรียนให้อยู่ภายในขอบเขตที่กำจัด
โดยเขาเชื่อว่ายังมีรูปแบบการคิดที่เป็นประโยชน์อีกมาก แต่ไม่เปิดเผยออกมาทางวาจา
รวมทั้งการคิดที่ขาดเหตุผลเชิงตรรกะ
รูปแบบเหล่านี้จะทำหน้าที่ของมันผ่านกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเห็น
การฟังการเปรียบเทียบ และการสังเคราะห์
กระบวนการคิดแนวนี้ทางโรงเรียนให้ความสนใจน้อยมาก ทั้งๆ
ที่การติดตามรูปแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นและพัฒนาตัวมันเองขึ้นมาแน่ๆ นอกโรงเรียน
จากข้อเท็จจริงตามประเด็นแรกนี้
สรุปได้ว่า โรงเรียนสร้างผลกระทบให้เกิดแก่ผู้เรียนได้
โดยไม่เพียงแต่จากสิ่งที่สอนเท่านั้น
แต่จากสิ่งที่ควรสอนแต่ไม่นำมาสอนอีกด้วย
เพราะสิ่งที่นักเรียนไม่มีโอกาสพิจารณาสิ่งที่เขาไม่มีโอกาสรู้และกระบวนการที่เขาไม่มีโอกาสใช้
จะมีผลต่อการดำรงชีวิตของนักเรียน
ประเด็นที่สองที่เกี่ยวกับเนื้อหานั้น ไอส์เนอร์ ชี้แจงว่า
โรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ว่าในสหรัฐอเมริกาหรือที่ไหนๆ ในโลกนี้
มักจะสอนเนื้อหาเก่าๆ เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น
ในระดับประถมศึกษาก็จะสอนเกี่ยวกับการสอนเกี่ยวกับการอ่าน การเขียน
และการคิดเลขเป็นหลัก แล้วมีสังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ทั่วไป สุขศึกษา พลศึกษา
และอื่นๆ ในเมื่อโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยีและรูปแบบการดำรงชีวิต
ทำไมจึงไม่นำวิชาหรือเนื้อหาอื่นๆ ใหม่ๆ ที่จำเป็นมาสอนบ้าง เขาได้ให้ความเห็นในจุดนี้ว่า
เนื้อหาวิชาที่สอนกันเรื่อยมาจนเป็นประเพณีของโรงเรียนนั้นไม่ใช่เป็นเพราะขาดการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความเป็นไปได้ของการนำเนื้อหาอื่นๆ
ใหม่ๆ มาสอน แต่มักจะเป็นเพราะพวกเขาถูกสอนมาอย่างนั้น
ครูโดยทั่วไปจะสอนในสิ่งที่เคยสอนกันมาตามนิสัยและความเคยชิน
และโดยกระบวนการนี้ทำให้เกิดการละเลยสาขาวิชาใหม่ๆ ที่พิสูจน์แล้วว่า
มีคุณประโยชน์ต่อนักเรียนเป็นอย่างมาก เช่น วิชาเศรษฐศาสตร์ เป็นต้น
การนำความคิดของหลักสูตรสูญไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตร
ถึงจุดนี้
ผู้เรียนเข้าใจแล้วว่า
หลักสูตรสูญได้แก่สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอนหรือสิ่งที่ไม่ได้บรรจุไว้ในหลักสูตร และสิ่งที่ขาดหายไปจากหลักสูตรจำแนกออกได้เป็น
3 ด้านคือ สิ่งที่ขาดหายไปในรูปของกระบวนการทางปัญญา เนื้อหา
และด้านความรู้-ค่านิยม
คงไม่ยากที่จะทำความเข้าใจแนวคิดของเรื่องนี้ แต่ปัญญาหาที่อยู่ในใจของเราก็คือว่า
เราจะใช้อะไรเป็นตัวกำหนดหรือเป็นกรอบในการพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นส่วนที่ขาดหายไปจากหลักสูตร
(หรือหลักสูตรสูญ) เช่น ในกรณีที่เราไม่ได้เปิดสอนวิชาตรรกวิทยาในระดับชั้นอนุบาล จะถือว่าวิชาตรรกวิทยาเป็นหลักสูตรสูญของหลักสูตรอนุบาลหรือไม่ คำตอบก็คือ
ไม่ใช่
ที่ตอบเช่นนี้ก็โดยเหตุผลที่ว่า
ตามปกติเวลานักพัฒนาหลักสูตรจะกำหนดเนื้อหาลงไปในหลักสูตรนั้น เขาจะคำนึงถึงความจำเป็น
ความเหมาะสมและความสอดคล้องของเนื้อหาที่มีต่อผู้เรียน ดังนั้น
เมื่อจะพิจารณาว่ามีกระบวนการใด
หรือเนื้อหาใดขาดไปจากหลักสูตรก็จะต้องมีการกำหนดกรอบ (frame
of reference) ที่เป็นกลางๆ เอาไว้อ้างอิง
ถ้าหากหลักสูตรไม่ได้ครอบคลุมถึงสิ่งที่เป็นเนื้อหากลางๆ
ที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการเรียนรู้ของเรียนแล้ว หลักสูตรเหล่านั้นก็จะด้อยคุณค่าทันที จากตัวอย่างการพิจารณานำวิชาตรรกวิทยามาบรรจุในหลักสูตรอนุบาลนั้น
ต้องถือว่า หลักสูตรสากลของอนุบาลศึกษาจะต้องไม่มีการเรียนวิชาตรรกวิทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น