หลักสูตรแฝง
โดยทั่วไปเราอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า “หลักสูตร”
ซึ่งตามพจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า หลักสูตร (curriculum)
หมายถึง แผนการจัดการศึกษาที่ประมวลเนื้อหาสาระ ประสบการณ์
และกิจกรรมต่าง ๆ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ หลักการ จุดหมาย สาระการเรียนรู้
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เพื่อให้ผู้เรียนมีพัฒนาการต่าง ๆ ตามจุดหมายที่กำหนดไว้
ซึ่งเป็นความหมายหลักพื้นฐานที่ผู้เกี่ยวข้องกับศึกษาน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่คำว่า หลักสูตรแฝง ที่เป็นหัวข้อในวันนี้ คืออะไรนั้น
พจนานุกรมเล่มดังกล่าวอธิบายว่า หลักสูตรแฝง (hidden curriculum) หมายถึง ความรู้ ความเข้าใจ และการเรียนรู้ต่าง ๆ
ที่มิได้กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร
เกิดเพิ่มขึ้นเมื่อผู้เรียนได้รับสาระและประสบการณ์ตามที่หลักสูตรกำหนด
นับเป็นการเรียนรู้ที่แฝงหรือซ่อนอยู่ในหลักสูตร
หากจะอธิบายให้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือ
เหตุที่เรียกว่า หลักสูตรแฝง นั้น เนื่องมาจากความรู้
ความเข้าใจที่เราได้รับจะมาจากการเรียนรู้หรือมวลประสบการณ์ต่าง ๆ
ที่ไม่ได้จัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนโดยตรงตามหลักสูตรที่กำหนด เช่น คุณธรรม
จริยธรรม วัฒนธรรม เจตคติ ค่านิยม ความเชื่อ มวลประสบการณ์ต่าง ๆ
สิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดไปสู่ผู้เรียนโดยไม่มีการเรียนการสอนโดยตรง
แต่บูรณาการไปกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผู้เรียนปฏิบัติ
ตลอดจนการได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมทางสังคมในสถานศึกษา รวมทั้งวัฒนธรรมองค์กรของแต่ละสถานศึกษาด้วย
ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้จากการใช้ชีวิตในสถานศึกษา การเรียนรู้ต่าง ๆ
ที่ไม่ต้องมีการจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการ แต่เป็นประสบการณ์ต่าง ๆ
ที่ผู้เรียนได้รับและเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง และสิ่งที่ผู้เรียนได้รับจากหลักสูตรแฝงนั้นจะปรากฏเป็นพฤติกรรมและลักษณะนิสัยของผู้นั้นต่อไป.
โรงเรียนโดยทั่วไปจะมีความสามารถและประสบความสำเร็จอย่างมากในการสอนให้นักเรียนอ่านออก
เขียนได้ คิดเลขเป็น และมีความรู้อย่างดียิ่งในสาขาวิชาต่างๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่โรงเรียนได้ตระหนักและพยายามอย่างมาก แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จหรืออาจจะเรียกได้ว่าล้มเหลวมาตลอดก็คือ
การสอนคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นพลเมืองดีให้แก่นักเรียน
เด็กเหล่านี้ได้รับการปลูกฝัง และอบรมสั่งสอนจากครูอย่างจริงจัง
แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยปฏิบัติตามสิ่งที่ครูสอนมากนักแม้จะมีนักเรียนบางคนประพฤติตนตามคำสอนของครูอย่างเคร่งครัด
แต่เมื่อเขาออกจากโรงเรียนไปแล้วก็เปลี่ยนพฤติกรรมและค่านิยมไปตามสังคมที่เรามองกันว่าไม่เหมาะสม
คนทั่วๆ ไปในสังคมทราบว่าเหตุใดการสอนให้คนทำความดี
และประพฤติดีจึงไม่ประสบความสำเร็จ เขาทราบกันดีว่ามีผู้สอนและผู้อบรมไม่น้อยที่มีลักษณะพูดอย่างทำอย่าง
หรือ สอนอย่างหนึ่งแต่ตนเองทำอีกอย่างหนึ่ง
จึงมีคำพูดหรือคำเปรียบเทียบที่แสดงข้อเท็จจริงนี้ออกมา เช่น “แม่ปูสอนลูกปู” “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” และ
“จงทำตามที่ครูสอนแต่อย่างทำตามที่ครูทำ”
เป็นต้น ข้อความนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของคนไทยที่มีต่อการสอนค่านิยมและจริยธรรมได้เป็นอย่างดี
เพราะโดยธรรมชาติมนุษย์เราจะเรียนรู้พฤติกรรม บุคลิกลักษณะ ค่านิยม
และจริยธรรมโดยการเรียนแบบ
นักการศึกษาและนักสังคมศาสตร์ชาวตะวันตกได้ให้ความสนใจในการเรียนรู้ประเภทนี้
และเชื่อว่านักเรียนเรียนรู้ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และพฤติกรรมต่างๆ จากการกระทำของครูเอง
และจากสิ่งที่โรงเรียนจัดให้รวมทั้งสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน
มากกว่าการสอนสิ่งเหล่านี้ตามที่ได้กำหนดไว้ในตัวหลักสูตร
และได้บัญญัติคำเพื่อเรียกการเรียนรู้ที่แท้จริงที่ไม่ได้เกิดจากหลักสูตรปกติว่า
หลักสูตรแฝง (Hidden Curriculum)
ความหมาย
หลักสูตรแฝง
เป็นคำที่แปลมาจากภาษาอังกฤษว่า Hidden curriculum แต่มีนักพัฒนาหลักสูตรบางท่านพอใจที่จะใช้คำอื่นที่มีความหมายใกล้เคียงกัน
เช่น กู๊ดแลด (Goodlad,1094) ใช้คำว่า implicit
curriculum และเซย์เลอร์กับอเล็กซานเดอร์ (Saylor & Alexander,1974) ใช้คำว่า unstudied curriculum ถึงแม้จะใช้คำที่แตกต่างกันไปบ้าง
แต่ต่างก็มีความหมายใกล้เคียง หรือถือได้ว่าเป็นความหมายที่มีนัยเดียวกัน
คือเป็นหลักสูตรที่แฝงซ่อนเร้น ไม่เปิดเผย และไม่ได้มุ่งศึกษาโดยตรง
เพราะถือว่าเป็นหลักสูตรที่ไม่เป็นทางการ (unofficial curriculum)
หลักสูตรแฝง
เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้กำหนดแผนการเรียนรู้เอาไว้ล่วงหน้าและเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่โรงเรียนไม่ได้ตั้งใจจะจัดให้
จากนิยามนี้สามารถอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจดีขึ้นโดยตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมดังนี้
ในทางเปิดเผยโรงเรียนสอนคณิตศาสตร์และจัดให้เด็กชายหญิงเรียนรู้ การอ่าน การเขียน
การสะกดคำและอื่นๆ
แต่โรงเรียนและครูได้สอนหลายสิ่งหลายอย่างโดยไม่ตั้งใจจากการสอนตามหลักสูตรปกติในรูปของกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นมา
และเรียนรู้จากสภาพการณ์และเงื่อนไขเชิงสังคมและเชิงกายภาพที่โรงเรียนจัดให้
เป็นต้นว่าสอนนักเรียนให้ทำงานตามลำพังในเชิงของการแข่งขัน
หรือให้นักเรียนทำงานด้วยกันเป็นกลุ่ม สอนให้นักเรียนเป็นผู้กระทำหรือเป็นถูกกระทำ
ให้รู้จักพอใจเกี่ยวกับข้อเท็จจริงพื้นๆ
หรือให้เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งและอื่นๆ สรุปสั้นๆ และตรงประเด็นก็คือ
ครูหรือโรงเรียนสอนค่านิยมให้แก่เด็กอย่างแอบแฝง หรือโดยไม่ตั้งใจ
แม้จะไม่มีใครกล่าว
และให้ความสนใจให้กับหลักสูตรแฝงมากนัก
แต่ต้องยอมรับว่าหลักสูตรแฝงมีอยู่ในทุกโรงเรียน สไนเดอร์ (Snyder,1970) ได้ยืนยันความจริงข้อนี้ว่าไม่มีสถานศึกษาใดเลย
ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอนุบาล
โรงเรียนมัธยมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยที่ไม่มีหลักสูตรแฝงปรากฏอยู่และเขาได้แสดงความเชื่อต่อไปว่าหลักสูตรแฝงมีอิทธิพลต่อการปรับตัวของนักเรียนและอาจารย์มากกว่าหลักสูตรปกติ
หลักสูตรแฝงกับพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัย
โดยทั่วไปโรงเรียนจะประสบความสำเร็จมากในการสอนให้เกิดการเรียนรู้ทางด้าน พุทธิพิสัย และทักษะพิสัย
ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีการสอนและการประเมินผลที่จัดให้เกิดความสอดคล้องกันได้ง่ายและกระทำได้ง่าย
แต่โรงเรียนจะมีปัญหาในการสอนนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ทางด้านจิตพิสัยซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิต อารมณ์และการกระทำที่สอดคล้องกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นเรื่องของการสอน เจตคติ
ค่านิยม
และความประพฤติที่พึงประสงค์
เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้โดยการบรรยาย หรือการใช้คำพูดสั่งสอน เพราะโดยธรรมชาติและหลักข้อเท็จจริง เด็กจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ใช้คำพูดสั่งสอน เพราะโดยธรรมชาติและหลักข้อเท็จจริง
เด็กจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากตัวอย่างและการกระทำของผู้ใหญ่และผู้อยู่ใกล้ชิดมากกว่า
ชิลเบอร์เมน (Silberman,1970:9) ได้ยืนยันความจริงในข้อนี้ว่า
สิ่งที่นักการศึกษาจะต้องตระหนักให้มากก็คือ
วิธีการที่เขาสอนและการกระทำของพวกเขามีความสำคัญมากกว่าสิ่งที่เขาสอน นั่นก็คือว่าวิถีทางที่เรากระทำกับสิ่งต่างๆ
จะสร้างค่านิยมได้ตรงกว่าและมีประสิทธิผลมากกว่าที่เราได้สอนหรือพูดคุยกับเขาโดยตรงการปฏิบัติการในเชิงการบริหารที่มีลักษณะเฉพาะ
ประเภทการเลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติการแบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสามารถ การแบ่งแยกผิวพรรณและเชื้อชาติ หรือการสอบแข่งขันเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาจะมีผลต่อหน้าที่พลเมืองมากกว่าการเรียนโดยตรงในหลักสูตรวิชาสังคมศึกษา เด็กๆ
จะถูกสอนให้เรียนรู้เกี่ยวกับค่านิยมจริยธรรม
ศีลธรรม บุคลิกภาพ
และความประพฤติทุกวันจากการจัดและดำเนินการของโรงเรียน เช่น
วิถีทางที่ครูและพ่อแม่ประพฤติ
วิถีทางที่พวกเขาพูดกับเด็กและระหว่างผู้ใหญ่ด้วยตนเอง
ชนิดของพฤติกรรมที่พวกเขายอมรับและให้รางวัล และชนิดของพฤติกรรมที่พวกเขาไม่ยอมรับ และมีการลงโทษ
มากกว่าการเรียนรู้จากเนื้อหาที่บรรจุไว้ในหลักสูตรปกติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น